Saturday, 27 April 2024
ECONBIZ NEWS

กระทรวงพลังงาน จับมือ ปตท.  ร่วมเป็นเจ้าภาพงาน Future Energy Asia 2023  ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงาน และยานยนต์ ระดับภูมิภาคเอเชีย

ดร.วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการและการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานระดับภูมิภาค Future Energy Asia 2023 โดยมีนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ร่วมกล่าวปาฐกถาเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) คาดการณ์สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเตรียมพร้อมรับความท้าทาย ตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต อาทิ การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจไฮโดรเจน รวมถึงเร่งการดำเนินงานในธุรกิจ LNG ที่จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอีกด้วย

เริ่มแล้ว!! 'งานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด' ส่งเสริมอาชีพ-สร้างรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

(สระแก้ว) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 จัดขึ้นที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ระหว่างวันที่ 6-15 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

(8 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปเปิดงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรการประกวดผลผลิตทางการเกษตร โดยการจัดงานในครั้งนี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 6-15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เช่น การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การประกวดเทพีชมพู่หวาน (ดาวค้างฟ้า)

สำหรับงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ รวมทั้งเพิ่มพูนรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในพื้นที่ โดยเฉพาะชมพู่และลำไย ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของอำเภอคลองหาด อีกทั้งเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่น สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับเกษตรกร ในทุกหมู่บ้านและชุมชน จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ได้มาเที่ยวชมงานและเลือกซื้อสินค้าภายในงานตลอด 10 วัน

ที่มา : https://www.77kaoded.com/news/thanapat/2400918

‘ปตท.’ มุ่งต่อยอด ‘ขยะ’ สู่วัสดุทดแทนที่มีคุณค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สอดคล้อง BCG Model

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ 'ขยะ' ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย

จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ ‘Waste is MORE’ โดยมี นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ ‘ไม่ไร้ค่า’ อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนุนพนักงาน Work from Home

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นครราชสีมา, พระนครศรีอยุธยา, ระยอง, ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร

ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก 'ปรับ เปลี่ยน ปลูก' ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ

ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน

กลุ่ม ปตท. ดันเทคโนโลยีดิจิทัล หนุน ศก.สร้างสรรค์ ช่วยขับเคลื่อนเสน่ห์ Soft Power ไทยสู่เวทีสากล

กลุ่ม ปตท. ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ไทย ดันเทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมส่งออกคอนเทนต์ไทยคุณภาพสู่เวทีสากล จับมือพันธมิตรต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย สนับสนุน ‘ระบบนิเวศสร้างสรรค์’ ผ่านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้ได้มาตรฐานสากล รองรับการผลิตคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนารายได้และคุณภาพชีวิตคนไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแพร่ขยายอิทธิพลทางค่านิยม หรือ วัฒนธรรม ที่นานาประเทศผลักดันให้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)

ปตท. เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอดแนวคิดดังกล่าว เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงานให้พร้อมรับการแข่งขันบนเวทีโลก ด้วยวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” จึงจัดตั้งโครงการ Soft Power for Better Thailand ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย หรือ 'เสน่ห์ไทย' ที่เกิดจากวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทย ที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Industry) ในประเทศไทย ที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย

“ปตท. จับมือพันธมิตรภาคส่วนต่างๆ ทั้งจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟท์พาวเวอร์ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ภายใต้แนวคิด TECH CREATE FUN คือ การนำเทคโนโลยี (TECH) เช่น Virtual Reality, Augmented Reality, Drone และ Metaverse เป็นต้น มาเสริมศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (CREATE) เช่น ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ หรือ งานศิลปะ เพื่อให้ทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานและผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น (FUN) รวมไปถึงยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งการพัฒนาทักษะบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่...

ปตท. หนุนกิจกรรม ‘เดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023’ กระตุ้นคนไทยรักสุขภาพ - กระจายรายได้สู่ภูมิภาค

ปตท. ส่งเสริมสุขภาพคนไทย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนกิจกรรมเดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023 ใน 4 จังหวัด

(2 ก.พ. 66) นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมงานแถลงข่าวพร้อมสนับสนุนการจัดกิจกรรม ‘เดิน - วิ่ง OLYMPIC 2023’ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิระ รองประธานกรรมการ โอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายกีฬาเพื่อมวลชนและสิ่งแวดล้อม ประธานจัดการแข่งขัน เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ

ททท.สำนักงานระยอง จับมือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ติวเข้ม ทิศทางส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ณ โรงแรม อักษร ระยอง เดอะ ไวทัลลิตี้ คอลเล็คชั่น อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ว่าที่ร้อยตรีพิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในการเปิดการประชุมทิศทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ปี 2566

ซึ่งจัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเครือข่ายภาคท่องเที่ยวจังหวัดระยอง มีนายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. นายวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานระยอง นายเอสารัช วรุตมะพงธ์พันธุ์ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญจังหวัดระยอง ร่วมให้ข้อมูลเพื่อสื่อสารทิศทางและแนวทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ให้เกิดการบูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง

นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก กล่าวว่า แนวทางการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคตะวันออก ปี 2566 จะมีการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว พร้อมทั้งแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวภาพรวมของภาคตะวันออก 4 โครงการหลัก ได้แก่

1.) โครงการ 365 วัน สบ๊าย สบายภาคตะวันออก ส่งเสริมการขายภายใต้แนวคิด เที่ยวไป กินไป สบายพุง ผ่านการเสนอขายกับกลุ่มเป้าหมายสายกิน

2.) โครงการ เที่ยวเมืองรอง สบ๊าย สบาย สไตล์ภาคตะวันออก ผ่านการท่องเที่ยวตามรอยหนัง/ซีรี่ส์

3.) โครงการ Workation วันธรรมดา เสนอขายแพ็คเกจที่พัก คาเฟ่ กิจกรรมท่องเที่ยว ชุมชน ในช่วงวันธรรมดา

4.) โครงการ East at Ease เสนอขายกิจกรรมในรูปแบบ Luxury นำเสนอกิจกรรมสร้างสรรค์ด้านดนตรี ศิลปะและด้านอาหาร เพื่อเพิ่มความถี่ในการเดินทาง พร้อมทั้งเกิดการกระจายรายได้สู่ภาคการท่องเที่ยวภาคตะวันออก

วิสาหกิจชุมชนริช 865 จับมือ ทต.บ้านฉาง จัดงานสตรีทฟู้ด ชิม-ช้อปสินค้า OTOP บรรยากาศสุดชิลริมชายหาดพยูน กระตุ้นการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 เวลา 17.00 น. ที่บริเวณหาดพยูน ลานหน้าสะพานมังกร หมู่ 4 ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง นายกิติพงษ์ อุระวัฒน์ นายอำเภอบ้านฉาง เป็นประธานเปิดกิจกรรมท่องเที่ยว Landmark บ้านฉางแห่งใหม่ภายใต้งาน "สตรีทฟู้ดแอทหาดพยูน" ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนริช 865 เทศบาลตำบลบ้านฉางและผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารในพื้นที่ โดยมีนายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านฉาง นำผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบ้านฉาง ร่วมพิธีเปิด
.
ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยเป็นธีมงานไชน่าทาวน์เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนประชาชนที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ผู้ผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ได้มีสถานที่เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในราคาที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายภาครัฐ โดยส่งเสริมชาวบ้านในชุมชนให้มีอาชีพ มีรายได้ เป็นการกระจายรายได้สู่ประชาชนโดยตรง รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าอาหาร Street Food คุณภาพดีราคาเหมาะสมและเป็นการช่วยลดรายจ่ายภายในครัวเรือนด้วย

พัทยาฟื้น! สถานบันเทิงเมืองพัทยากลับมาคึกคัก ยอดนักท่องเที่ยวขยับแล้ว 90% หลังไทยเปิดประเทศ

(ชลบุรี) คึกคักสุด ๆ สถานบันเทิงเมืองพัทยายอดท่องเที่ยว-นักท่องราตรีขยับแล้ว 90% จากมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำผู้ประกอบการยิ้มร่า เหลือแค่ตลาดจีนเสริมทัพ เชื่อโกยรายได้เข้าประเทศอีกเพียบ ด้านเมืองพัทยาเข้มมาตรการความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 25 มการาคม 2566 นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมสถานบันเทิงเมืองพัทยา เผยว่า ขณะนี้สถานบันเทิงในพื้นที่เมืองพัทยาได้เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา หลังต้องปิดตัวจากสถานการณ์โควิด-19 นานกว่า 2 ปี

โดยพบว่าขณะนี้ นักท่องเที่ยวหลายชาติได้ทยอยเดินทางเข้าสู่เมืองพัทยาอย่างต่อเนื่อง เช่น อินเดีย ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี และกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรป ซึ่งแม้จะไม่ใช่ยอดนักท่องเที่ยวจำนวนมากเหมือนเมื่อครั้งที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ถือว่าสามารถกระตุ้นสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาได้เป็นอย่างดี

และยังทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้าใช้บริการในสถานบันเทิงต่าง ๆ ของเมืองพัทยา มีประมาณ 80-90% แล้วโดยเฉพาะสถานบันเทิงย่าน Walking Street พัทยา พบว่ามีความคึกคักเป็นอย่างมาก

“ดังนั้นทางสมาคมฯ จึงได้เร่งหารือกับ เมืองพัทยาเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการให้ผู้ให้บริการต่าง ๆ จัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการอำนวยความสะดวกและการดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ซึ่งจะต้องมีกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน”

ม.มหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตซอสจากผัก ทานพอเหมาะ ลดเสี่ยงรับสารก่อมะเร็ง

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตและจำหน่ายซอสจากผัก ภายใต้โครงการวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพ

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ และ ‘ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก’ นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็ก ๆ ที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่เพียงพอ รวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย 

สำหรับงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นั้น ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจากการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต 

ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ ดร. ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผลงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ. ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เกิดจากโจทย์วิจัยว่า ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมส่วนใหญ่กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ คือ กินผักผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วนต่อวันหรือไม่ถึง 400 กรัมต่อวัน ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จากผลสำรวจพบว่ามีคนไทยเพียงประมาณ 4 ใน 10 คน ที่กินผักผลไม้เพียงพอตามเกณฑ์แนะนำในแต่ละวัน ขณะที่เด็กวัยเรียนเพียง 2-3 คน จาก 10 คนเท่านั้นที่กินผักและผลไม้เพียงพอ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมากินผักผลไม้มากขึ้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก การนำผลิตภัณฑ์อาหารที่คนนิยมรับประทานอยู่แล้วมาพัฒนาต่อยอด เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ดังเช่น ในรูปของซอสที่สามารถรับประทานได้กับอาหารประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไม่ชอบกินผัก โดยเฉพาะเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มีปัญหาการบดเคี้ยว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือของสถาบันโภชนาการกับภาคเอกชน เพื่อทำให้ผลงานการวิจัยด้านอาหารและโภชนาการสามารถขยายผลสู่วงกว้าง เข้าถึงประชาชนคนไทยได้ง่ายขึ้น


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top